Bangpakok Hospital
  • A
  • A
  • A
BPK Hotline

“พิชิต เบาหวาน ด้วยการผ่าตัด”

18 มี.ค. 2567


   เดิมผู้ป่วยเบาหวานไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ในปัจจุบันพบว่า สามารถรักษาผู้ป่วยเบาหวานบางกลุ่ม และหลายโรคที่มากับโรคเบาหวานให้หายได้ด้วยการผ่าตัด

วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัด

  ปัจจุบันการรักษาการผ่าตัดนั้นได้มีเทคโนโลยีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง เป็นการเจาะรูขนาดเล็กๆ 3 - 5 จุด แผลจะมีขนาดเล็กมากประมาณ 0.5 ซม. ซึ่งวิธีนี้ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการเจ็บปวดหลังผ่าตัด ช่วยให้คนไข้ฟื้นตัวเร็ว ส่วนมากหลังผ่าตัด 3 วัน สามารถกลับบ้านได้ โดยหลังผ่าตัดยังช่วยลดโรคประจำตัวอื่นๆได้ เช่น

  • โรคเบาหวาน ผู้ป่วยสามารถหาย และสามารถหยุดยาได้ โดยเฉลี่ย 6 - 12 เดือน หลังผ่าตัด
  • โรคความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง สามารถหายได้ และอาการดีขึ้นสามารถหยุดยาลงได้
  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive sleep apnea) ดีขึ้น
  • โรคข้อกระดูกเสื่อมก่อนวัย (Degenerative joint disease) ดีขึ้น
  • ไขมันพอกตับ (nonalcoholic fatty liver disease) ภาวะภาวะไขมันสะสมในตับจะดีขึ้น การอักเสบของตับลดลง ตับแข็งลดลง
  • ช่วยแก้ไขปัญหามีบุตรยาก อันสืบเนื่องมากจากโรคอ้วน
  • หลังผ่าตัดผู้ป่วยมักมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

  ซึ่งจะเห็นได้ว่าการผ่าตัดพิชิตเบาหวานนั้น สามารถรักษาโรคร่วมได้มากมาย ไม่เพียงแต่โรคเบาหวานเท่านั้น ในผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้สามารถทำให้ผู้ป่วยลดน้ำหนักลงกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นรวมถึงได้หุ่นดีมาเป็นของแถมด้วย

ปัจจุบันวิธีการรักษา โรคเบาหวาน โรคอ้วน และความดันโลหิตสูง สามารถรักษาได้ในคราวเดียวด้วยการผ่าตัด

  วิธีการรักษาเบาหวานแบบเดิมนั้น เราจะรักษาแบบประคับประคองโดยการใช้ยากินในการควบคุมอาการ ซึ่งจะสอดคล้องกับผลวิจัยที่ได้มีนักวิจัยและแพทย์ได้พยายาม หาทางรักษามาหลาย 10 ปี จากการใช้ยากิน ยาฉีดหลายชนิด ปรากฏว่า ทำได้เพียงควบคุมอาการและควบคุมผลเลือดต่างๆ พบว่า ได้ผลดีจริงๆ เพียงไม่เกิน 10 - 20 % กลุ่มที่เหลือ อาการของโรค ค่อยๆดำเนินไปเรื่อยๆ จะพบว่ามีโรคคุกคาม เพิ่มเติมจากผลต่อ ตับ ไต หัวใจ สมอง ต่างๆ ตามมาเมื่อเวลาผ่านไปเป็น 10 ปี หลายครั้ง ในที่สุดเป็นสาเหตุ นำให้เกิด อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตในที่สุด

   แต่ปัจจุบันนี้เรามีวิธีการรักษาการผ่าตัดโดยการแก้ไขภาวะผิดปกติของระบบฮอร์โมนในร่างกาย และรวมไปถึงการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ลำไส้ ได้ พิสูจน์แล้วว่า เป็นวิธีรักษาเบาหวานได้ดีที่สุด สามารถควบคุมให้เบาหวานหายขาดได้เกิน 5 ปี ถึง 2 ใน 3 ของผู้ป่วยทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วย Metabolic Syndrome ที่มีน้ำหนักมากๆ  เช่น เกิน 80 กิโลกรัมขึ้นไป พูดง่ายคือ ประมาณ หุ่นเสี่ยนั้นแหละ ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไม โรคเบาหวาน ความดันโลหิต โรคอ้วน นอนกรน หายไปหมด นักวิจัยพบว่า การผ่าตัด กระเพาะลำไส้ หรือ ผ่าตัดโรคอ้วน ทำให้ฮอร์โมน ของลำไส้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ตับอ่อนที่เป็นตัวสร้าง อินซูลิน ในร่างกายเรา กลับมาทำงานได้ดีขึ้น จนผู้ป่วยหายจากโรคต่างๆได้ ถึงแม้ว่า ในขณะนี้ยังไม่มี งานวิจัยในระยะยาวมาก แต่การที่ทำให้ร่างกาย หายขาดจากโรคต่างๆได้เป็น 10 ปีนั้น ก็ช่วยลดโอกาสเกิดความเสื่อมต่ออวัยวะต่างๆ หรือความเสี่ยงต่อ อัมพฤกษ์ อัมพาต ไม่รวมกับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  ไม่ต้องฉีดยาทุกวัน  แถมหุ่นดีกว่าเดิม  จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ในยุคสมัยนี้ แม้ขณะนี้พยายามผลิตยาที่ให้ผลคล้ายการผ่าตัดแต่ขณะนี้ยังทำได้ดีสู้การผ่าตัดรักษาโรคกลุ่ม  Metabolic ไม่ได้ โดยเฉพาะในคนอ้วน

การรักษาเบาหวานด้วยวิธีผ่าตัด รักษากับเบาหวานชนิดไหนได้บ้าง?

 การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดสามารถช่วยรักษาโรคเบาหวานชนิดที่สอง ที่ไม่ได้เป็นแต่กำเนิดแต่เกิดจากอาหารและวิถีชีวิต ผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีปัญหาในการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด เป็นต้นเหตุให้เกิดอาการป่วยที่ตามมาหลายอย่าง อาทิ เส้นโลหิตในสมองแตก โรคหัวใจ ไตวาย ตาบอดและทำให้แผลหายยาก บางรายต้องตัดอวัยวะแขนขาเพราะแผลเน่าเปื่อย การผ่าตัด จะช่วยลดน้ำหนักเพราะเมื่อขนาดกระเพาะเล็กลง ก็สามารถรับประทานได้น้อยลง และเมื่อน้ำหนักลด โรคเบาหวานก็ทุเลาลงไปเองในตัว

ภาวะแทรกซ้อนของการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด

  การรักษาเบาหวานด้วยการผ่าตัด มักมีภาวะแทรกซ้อนคือน้ำหนักตัวลดลง เพราะฉะนั้นผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวน้อย จึงไม่เหมาะสำหรับการรักษาด้วยวิธีนี้

เคยสังเกตไหมว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานมักมีโรคหลายอย่างคู่กันมา

ได้แก่ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง เบาหวาน อ้วน ดังกล่าวนี้ ล้วนเกิดจากปัจจัยเดียวกัน คือ การเสียสมดุลของร่างกายนั้นเอง เกิดกลุ่มโรคที่เรียกว่า Metabolic syndrome รวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนที่มากับเบาหวาน เรียกว่าเป็นของแถมมาคู่กัน ได้แก่

  • โรคหลอดเลือดหัวใจ เพราะโรคเบาหวานทำให้หลอดเลือดต่างๆ เสื่อมสภาพและเกิดภาวะตีบ ตัน และเลือดไม่สามารถไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ โดยเฉพาะอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือมีอาการหัวใจล้มเหลว ดังนั้นควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
  • โรคตา เมื่อระดับน้ำตาลสูงขึ้น ส่งผลให้จอรับภาพตาผิดปกติ เช่น จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก ต้อหิน และหลอดเลือดฉีกขาดหรือแตก หากไม่รับการรักษาอาจทำให้ประสิทธิภาพการมองเห็นลดลงหรือสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร ดังนั้นควรพบจักษุแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยปกป้องดวงตาจากอาการแทรกซ้อน
  • โรคไต เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลกระทบทำให้ไตทำงานหนักมากกว่าปกติ ในช่วงแรกอาจจะไม่มีอาการ แต่หากไม่ได้รับการรักษาหรือปล่อยไว้เป็นเวลานานจะทำให้เกิดภาวะไตเสื่อมและไตวายเรื้อรัง ดังนั้นการควบคุมน้ำตาลในเลือดจะช่วยลดความรุนแรงและความเสี่ยงการเกิดโรค
  • ระบบปลายประสาทเสื่อมจากเบาหวาน เมื่อระดับน้ำตาลสะสมบริเวณเส้นประสาท ทำให้การทำงานของเส้นประสาทเสื่อมลง การรับรู้ความรู้สึกต่างๆ ลดลง หรือไม่มีความรู้สึก โดยเฉพาะที่บริเวณมือและเท้า จึงเป็นอันตรายกับผู้ที่เป็นเบาหวาน เพราะอาจทำให้เกิดแผลได้ง่ายโดยไม่รู้สึกตัว ดังนั้นควรหมั่นรักษาความสะอาดที่บริเวณมือและเท้า หากมีแผลควรรีบมาพบแพทย์ทันที

   โรคเบาหวานนั้นสามารรักษาหายได้หากเพียงแต่ทุกท่านมั่นใส่ใจเรื่องของการตรวจเช็กสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ารับการรักษากว่าครึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่าป่วยเป็นเบาหวาน ทำให้ไม่ได้รับการวินิจฉัย จนสูญเสียโอกาสในการทราบว่าตนเองเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องรีบดำเนินการป้องกันและรักษาสำหรับในผู้ที่มีน้ำหนักเกินไม่สามารถลดน้ำหนักตัวได้ด้วยตัวเอง  และมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ  นอนกรน กลุ่มนี้แนะนำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด

 

สนับสนุนข้อมูลโดย :  นพ. จักรกฤษ อุ้ยนิรันดรกุล   แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมทั่วไป
ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป ชั้น 1 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. Call Center 1745



Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.